ประวัติของ เอด้า เมโย สจ๊วต ผู้บุกเบิกวงการพยาบาลอาชีวอนามัย

บทความเผยแพร่โดยมูลนิธิสัมมาอาชีวะ

เรียบเรียงโดย พญ.ดาริกา วอทอง

วันที่เผยแพร่ 22 มิถุนายน 2562


ประวัติของ เอด้า เมโย สจ๊วต ผู้บุกเบิกวงการพยาบาลอาชีวอนามัย

เอด้า เมโย สจ๊วต
(ที่มา: AAOHN J, Volume 36 Number 4, 1988)

  • ท่านทราบหรือไม่ว่า งานพยาบาลอาชีวอนามัยนั้น เริ่มเติบโตขึ้นในช่วงหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยพยาบาลอาชีวอนามัยคนแรกที่มีการบันทึกเอาไว้คือ ฟิลิปปา ฟลาวเวอร์เดย์ (Phillipa Flowerday) เธอได้รับการว่าจ้างจากบริษัทโคลแมนมัสตาร์ด (Coleman’s Mustard Company) ที่เมืองนอริช ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1878 เพื่อให้ทำหน้าที่เยี่ยมพนักงานและครอบครัวที่มีอาการเจ็บป่วยที่บ้าน [1]

  • ต่อมาในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มมีการว่าจ้างพยาบาลอาชีวอนามัยเกิดขึ้นเช่นกัน คนแรกคือ เบตตี้ โมลเดอร์ (Betty Moulder) เธอเรียนจบจากโรงพยาบาลฟิลาเดลเฟียบล็อคลีย์ (Philadelphia Blockley Hospital) ได้รับการว่าจ้างโดยกลุ่มบริษัทเหมืองถ่านหิน ในราวปี ค.ศ. 1888 เพื่อให้ดูแลพนักงานและครอบครัวที่เจ็บป่วย แต่ข้อมูลเกี่ยวกับเธอนั้นมีอยู่ค่อนข้างน้อย [2]

  • พยาบาลคนที่สองที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลอาชีวอนามัยในสหรัฐอเมริกาคือ เอด้า เมโย สจ๊วต (Ada Mayo Stewart) เธอมีชีวิตอยู่ในราวช่วงปี ค.ศ. 1871 - 1945 ซึ่งถ้าจะเทียบแล้ว เธอเป็นคนที่เกิดหลังยุคของ ฟลอเร็นซ์ ไนติงเกล (Florence Nightingale) ราว 50 ปี (ฟลอเร็นซ์ ไนติงเล เกิดในปี ค.ศ. 1820 ที่เมืองฟลอเร็นซ์ ประเทศอิตาลี แต่เธอเป็นชาวอังกฤษนะคะ)

  • ในปี ค.ศ. 1895 ขณะที่ เอด้า เมโย สจ๊วต อายุ 24 ปี เธอได้รับการว่าจ้างจากบริษัทเหมืองหินอ่อนที่ชื่อว่า บริษัทเวอร์มอนต์มาเบิล (Vermont Marble Company) ให้เป็นพยาบาลประจำบริษัท ระหว่างการทำงานเธอได้บันทึกรายละเอียดการทำงานของเธอไว้ (โดยเฉพาะในช่วง ค.ศ. 1986 - 1989) ซึ่งบันทึกนี้เป็นเอกสารสำคัญที่ทำให้ทราบเรื่องราวการทำงานของพยาบาลในยุคนั้น [3]

  • หน้าที่หลักของเธอคือ การเป็นพยาบาลออกเยี่ยมเยียนพนักงานและครอบครัวที่เจ็บป่วยที่บ้าน รวมไปถึงคนยากจนทั่วไปในชุมชนด้วย ซึ่งเป็นบริการฟรี เนื่องจากเป็นสวัสดิการของบริษัท เธอจะออกเยี่ยมเยียนผู้ป่วยโดยใส่ชุดยูนิฟอร์มพยาบาล และมักจะปั่นจักรยานไปด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งเธอก็นั่งรถม้าของบริษัทไปบ้าง [2-3]

  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ เอด้า เมโย สจ๊วต ไปดูแล จะเป็นผู้ป่วยทางสูตินรีและอายุรกรรมเป็นหลัก บางส่วนจะเป็นผู้ป่วยทางศัลยกรรม และมีการกล่าวถึงเรื่องอุบัติเหตุในงานอยู่บ้างเล็กน้อย ข้อมูลของผู้ป่วยที่เธอได้รับจากการเยี่ยมบ้าน เธอจะรายงานไปที่บริษัทและแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย ซึ่งหากจะกล่าวไป งานหลักของเธอนั้น ก็คือการทำการจัดการผู้ป่วย (Case management) นั่นเอง [2-3]

  • นอกจากนี้ ในบางครั้งเธอก็จะออกไปสอนสุขศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนด้วย [2-3]

  • ต่อมาบริษัทเวอร์มอนต์มาเบิลได้ทำการสร้างโรงพยาบาลของบริษัทขึ้น เอด้า เมโย สจ๊วต จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ดูแลโรงพยาบาลของบริษัทคนแรก

โรงพยาบาลของบริษัทเวอร์มอนต์มาเบิล

(ที่มา: AAOHN J, Volume 36 Number 4, 1988)

  • ชีวิตส่วนตัวของ เอด้า เมโย สจ๊วต เธอเป็นลูกสาวของพลเรือตรี วิลเลียม เอช. (Rear Admiral William H.) และนาง โรลีน เมโย สจ๊วต (Roline Mayo Stewart) เธอเรียนจบพยาบาลจากโรงเรียนฝึกอบรมพยาบาลวอลแทม (Waltham Training School for Nurses) แห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยในครอบครัวของเธอนั้น มีพี่น้องผู้หญิงที่เรียนจบพยาบาลถึง 4 คน

  • เอด้า เมโย สจ๊วต แต่งงานกับ รูดอล์ฟ มาร์คอล์ฟ (Rudolf Markolf) หลังแต่งงานเธอได้เปลี่ยนชื่อสกุลเป็น เอด้า มาร์คอล์ฟ (Ada Markolf)

  • เอด้า เมโย สจ๊วต ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการพยาบาลอาชีวอนามัย จากบันทึกของเธอที่ทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบรายละเอียดการทำงานในสมัยนั้นเป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการยกย่องการทำงานของเธอ คณะกรรมการสอบรับรองพยาบาลอาชีวอนามัยแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Board for Occupational Health Nurses; ABOHN) จึงได้ทำการตั้งรางวัล เอด้า เมโย สจ๊วต สำหรับผู้มีผลสอบดีเลิศด้านการจัดการผู้ป่วยทางอาชีวอนามัย (Ada Mayo Stewart Excellence in Occupational Health Case Management Award) ขึ้นมาในปี ค.ศ. 2000 เพื่อเป็นรางวัลให้กับพยาบาลอาชีวอนามัยในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีผลสอบในหัวข้อการจัดการผู้ป่วย (Case management) สูงสุดในแต่ละปี

เอกสารอ้างอิง

  1. Rogers B. Perspectives in occupational health nursing. AAOHN J 1988;36(4):151-5.

  2. Cahall JB. The history of occupational health nursing. Occup Health Nurs 1981;29(10):11-3.

  3. Parker-Conrad JE. A century of practice: Occupational health nursing. 1988. AAOHN J 1988;36(4):156-61.